ตัวอย่างสาวแว่นที่ว่ากันว่าสายตาสั้นเพราะอ่านหนังสือในที่มืด
หลายคนคงเคยอ่านหนังสือแบบว่างไม่ลงแม้จะอยู่ในที่ที่มีแสงน้อยหรือในที่มืดกันนะครับ และแน่นอนว่าคุณต้องเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "อ่านในที่มืดๆ ระวังสายตาเสียนะ"
ว่าแต่...มันเป็นเรื่องจริงไหมหนอ?
เรามารู้จักอาการสายตาสั้นกันหน่อยดีกว่า
มนุษย์เราจะมีสายตาปกติ สายตาสั้น ยาว หรือเอียง เกิดจากความสมดุลระหว่างความโค้งของกระจกตาดำ เลนส์ตา และความยาวของลูกตา ในคนที่สายตาปกติจะมองเห็นภาพได้ชัดเนื่องจากแสงจากภาพหรือวัตถุที่เข้าตาผ่านกระจกตาดำซึ่งจะหักเหแสงเข้าหากันระดับหนึ่ง จากนั้นจะผ่านเลนส์แก้วตาซึ่งก็จะหักเหแสงเข้าหากันมากขึ้นอีก และลำแสงจะไปรวมเป็นจุดเดียวที่กลางจอประสาทตาพอดี จึงทำให้เห็นภาพชัด แต่ในคนสายตาสั้นลำแสงจะไปรวมเป็นจุดเดียวก่อนถึงจอประสาทตา ทำให้ลำแสงที่ไปถึงจอประสาทตาเป็นลำแสงที่บานออก ไม่เป็นจุดเดียวจึงทำให้เห็นภาพ ไม่ชัด ดังรูปปลากรอบ
รูปปลากรอบแสดงตำแหน่งตกของแสงในกลุ่มโมเอะเมกาเนะ (สาวแว่น) เทียบกับ โมเอะอื่นๆ
ในการแก้ไขจุดตกของโฟกัสนั้น จำเป็นต้องใช้แว่นเลนส์เว้าเพื่อช่วยกระจายแสงออก เพื่อเลื่อนให้แสงไปรวมกันไกลขึ้นให้ไปตกที่กลางจอประสาทตาพอดีทำให้เห็นภาพชัด. สาเหตุของสายตาสั้นอาจจากกระจกตาของคนนั้นมีความโค้งมากกว่าปกติทำให้มีกำลังหักเหแสงมากเกินไป ลำแสงจึงรวมกันก่อนถึงจอประสาทตา แต่ในบางคนอาจจะจากมีลูกตายาวผิดปกติจึงทำให้ลำแสงรวมกันก่อนถึงจอประสาทตา.
ตัวอย่างการใส่แว่น รักษาอาการสายตาสั้น สาวแว่นสุโก้ย!!!
ทีนี้ การอ่านหนังสือในที่มืด ส่งผลต่อรูปทรงของตาได้ไหม
แพทย์หลายคนพยายามหาคำตอบในเรื่องนี้มานาน แต่ก็นักวิทย์บางคนเชื่อว่าปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมในวัยเยาว์อาจเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของสายตาสั้น โดยบ่งชี้ว่า การอ่านหนังสือหรือเพ่งมองวัตถุที่อยู่ใกล้ในที่มืดทำให้ตาคุณล้าได้ ในที่ที่มีแสงน้อย ระดับความเปรียบต่าง (contrast) จะลดลงระหว่างตัวอักษรสีดำที่อยู่บนหน้ากระดาษสีขาว และเพื่อทำให้คุณอ่านได้ชัด คุณอาจจะต้องเขยิบหนังสือเข้าใกล้ตาของคุณ ขณะที่คุณทำเช่นนี้ กล้ามเนื้อตา (ciliary muscles) รอบเลนส์ตาจะหดตัวทำให้เลนส์เปลี่ยนรูปร่างไปส่งผลให้เข้าไปยังจุดโฟกัสมาก(ในทางอ้อม) ที่อยู่ด้านหลังตา ขณะที่ลูกตาทำการปรับด้วยกระบวนการเหล่านี้นั้น คนหลายรายรายงานว่าตนเองมีอาการปวดหัวรวมถึงคลื่นไส้ แต่เหตุผลที่จริงของอาการปวดหัวนั้นมักมาจากการเกร็งของกล้ามเนื้อจากการทำงานหักโหมมากกว่าจากการใช้สายตา สาเหตุของอาการดังกล่าวไม่ได้เกิดมาจากการระดับความมืดที่เราจ้องวัตถุอย่างใกล้ๆ แต่อย่างใด แพทย์ส่วนใหญ่กล่าวว่าอาการดังกล่าวไม่มีอันตรายแต่อย่างใด มีเพียงแพทย์บางคนเท่านั้นที่กล่าวว่ามันอาจจะไปเพิ่มโอกาสสายตาสั้นในเด็กเล็กได้ถ้ากล้ามเนื้อตาของพวกเขาทำงานหนักเกินไป พวกเขาชี้ไปยังการศึกษาต่างๆ ที่เชื่อมโยงโอกาสการเกิดสายตาสั้นที่สูงกับวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการอ่านและการศึกษาในตอนเด็ก
ตัวอย่างการอ่านหนังสือทำให้เกิดสาวแว่น
เอาละสิ แล้วอย่างนี้ กรรมพันธุ์กับการอ่านหนังสืออะไรมีผลมากกว่ากัน
จากการศึกษาเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของตา เชื่อว่ารูปแบบการใช้งาน มีส่วนมากโดยเฉพาะการบังคับให้เด็กอ่านหนังสือในช่วงยังเล็กปริมาณมากโดยเฉพาะในประเทศกลุ่มเอเซีย แต่ทั้งนี้ปัจจัยพัฒนาการของดวงตาจะเกิดในช่วงที่เป็นเด็กเล็ก มันอาจหมายความว่าการศึกษาในวัยเยาว์ควรเน้นให้เด็กได้ทำกิจกรรมนอกห้องมากกว่า
ถ้าเราเอาเฉพาะตัวเลขการวิจัยมาเราจะเห็นว่า ยิ่งทำงานที่เกี่ยวกับการเพ่งสายตามาก โอกาสสายตาสั้นก็จะยิ่งสูง???
แผนภาพสถิติการเกิดสาวแว่นในกลุ่มลักษณะที่ทำงานใช้สายตาใกล้ชิด
แต่ทั้งนี้เพื่อให้ชัวร์ๆ เรามาดูสถิติการศึกษาของ World Health Organization กัน ปรากฏว่า พอมีความเบี่ยงเบนมาตรฐานมาแล้ว ผลสรุปมันอาจบอกคนละเรื่องกันเลย
สถิติการเกิดสาวแว่นจำแนกตามสถิติพ่อ-แม่เป็นหนุ่ม-สาวแว่นหรือไม่
จากสถิติ จะเห็นว่าอาการสายตาสั้น เกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์เป็นอย่างมาก กรณีพ่อ-แม่ไม่มีกรรมพันธุ์สายตาสั้น ลูกที่เกิดมามีโอกาสสายตาสั้นคือ 8.7% อัตราส่วนนี้จะยิ่งสูงถ้าพ่อแม่มีสายตาสั้น และถ้าหากยิ่งเป็นพันธุ์แท้ คือ มีพ่อ-แม่ สายตาสั้นและ มีลุงป้าน้าอา สายตาสั้นด้วย โอกาสสายตาสั้นจะขึ้นไปถึง 43% เลยทีเดียว
ตัวอย่างผลผลิตสาวแว่น
ส่วนกรณีของกิจกรรมต่างๆ ที่ชอบอ้างกันว่าเป็นตัวทำสายตาสั้น
ตารางแสดงกิจกรรมต่างๆของสาวแว่นเทียบกับพวกไม่แว่น
สัดส่วนของเด็กที่อ่านหนังสือ ดูทีวี หรือเล่นคอมพิวเตอร์ ความต่างกันของค่าเฉลี่ย ไม่หลุดใน SD แรกด้วยซ้ำ หรือก็คือมันแทบไม่เกี่ยวเลย มีประเด็นที่น่าสนใจคืออัตราส่วนการเล่นกีฬา ซึ่งเด็กที่เล่นกีฬามีสัดส่วนการมีสายตาสั้นต่ำกว่า แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่หลุด SD แรก และยังไม่ได้บ่งชี้ว่าเด็กสายตาสั้นนั้นไม่ค่อยเล่นกีฬาหรือการเล่นกีฬาทำให้ไม่สายตาสั้นกันแน่
ว่ากันว่า กิจกรรมกลางแจ้งเช่นการว่ายน้ำอาจลดสัดส่วนสาวแว่นลงได้
อ้างอิง
- http://variety.teenee.com/science/11157.html
- http://www.kroobannok.com/blog/17651
- http://www.doctor.or.th/node/7157
- http://www.futurepundit.com/archives/006699.html
- http://hcd2.bupa.co.uk/fact_sheets/html/myopia.html
- http://www.emro.who.int/publications/emhj/1203_4/Article22.htm
- http://www.myopia.org/ebook/10chapter5.htm
ขอโต้ดก๊าบที่เอาเวลาทำงานมาวิจัยบ้าๆบอๆพรรค์นี้ แต่ขอร้องแค่ว่า เวลาผมอยู่ที่โต๊ะทำงานมืดๆน่ะ อย่ามายุ่งมาเปิดไฟโต๊ะผมเลย มันแสบตาค้าบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น