หน้าเว็บ

▼

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ชำแหละ FWD Mail ลวงโลก: น้ำมันพืช... อันตรายระดับชาติ!!!

มันก็มาส่งกันอีกแล้วกับ Transfat น้ำมันพืชอันตราย ในหว้ากอ FWD Mail มันก็เดจาวูจะมากันเรื่อยๆ อีแมวตาดาร์ธก็ได้รับ FWD แล้วก็ FWD อีก ทั้งแมวส่วนตัว แมวบริษัท แต่นะครับ ตรงนี้ถ้าไม่ทำเป็นบทความเป็นเรื่องเป็นราวไว้ คนรอบข้างเราก็จะไม่รู้ มันก็ส่งมากันได้เรื่อยๆ ดังนั้นเรามาเริ่มชำแหละกันเลยดีกว่า
  

ตัวอย่างอาหารจีน ที่เป็นตัวอย่างอาหารที่ว่ากันว่ามีการใช้น้ำมันจำนวนมาก

ข้อกล่าวอ้างของ FWD Mail
"กระบวนการผลิตน้ำมันพืชทำให้เกิด Transfat และ Transfat เป็นสารก่อมะเร็ง น้ำมันพืชจะจับตัวอยู่กับอวัยวะภายในทำให้ร่างกายกรองของเสียไม่ได้ เป็นมะเร็ง (บลาๆๆ) แม้แต่อเมริกาก็ห้ามการบริโภคน้ำมันพืชแล้ว"
โอ้ น่ากลัวจริงๆ มี Reference กันด้วยนะครับนั่น นี่คือ Reference ที่มักอ้างไว้ใน FWD Mail น้ำมันพืช


ตัวนี้ละที่มี Transfat สูงๆของฝรั่งเขา จตุคามรุ่นมีกูมึงไม่หิว

ทว่า ก็จากอ้างอิงนั่นแหละที่ทำให้ลากไส้ออกมาได้ว่าความจริงมันเป็นอย่างไร

ข้อเท็จจริง

ตัวน้ำมันพืชที่อยู่ในข่าวนั้นเป็นน้ำมันพืชแบบ Transfat โดยทำการปรับปรุงน้ำมันพืชที่ปรกติเป็นไขมันไม่อิ่มตัวให้กลายเป็นไขมันอิ่มตัวเหมือนไขมันจากสัตว์ ซึ่งกรณีบ้านเราจะไม่นิยมบริโภคไขมันอิ่มตัวเช่นน้ำมันมะพร้าว แต่นิยมไขมันไม่อิ่มตัว จึงไม่มีขั้นตอนการทำ Hydrogenation อย่างที่บ่งชี้ใน FWD Mail นี้ การทำ Transfat เริ่มต้นใช้เพราะกระแสต้านการใช้ไขมันจากสัตว์ในการประกอบอาหาร แต่การทำอาหารทอดให้กรอบ จำเป็นต้องใช้ไขมันอิ่มตัว จึงมีการปรับน้ำมันพืชให้มีสมบัติเหมือนไขมันจากสัตว์ อาหารที่มี Transfat เยอะและถูกกลุ่มที่ทำการศึกษาต้านได้แก่ขนม OREO ซึ่งจะซ่อน Transfat ไว้ในรูปไขมันไม่บ่งชนิด ปัจจุบัน OREO ปรับสูตรไม่ใช้น้ำมันพืชปรับสภาพแล้ว และไปใช้ไขมันไม่อิ่มตัวแทน


รูปปลากรอบ กระบวนการผลิตน้ำมันพืช

กระบวนการผลิตน้ำมันพืชมีการใช้สารเคมีและขั้นตอนเยอะจริง อย่างแรกคือการใช้สารละลายสกัดด้วยไซโคลเฮกเซน การ Neutralized กรดไขมัน และการฟอกสีด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์ และการกำจัดกลิ่น

การ ไฮโดรจีเนตกรด Maleic


แต่ก็ไม่มีใครบ้าไปทำไฮโดรจีเนตเพราะ มันเป็นขั้นตอนที่ไม่จำเป็น แถมนี่มันก็คือกระบวนการทำให้เกิดไขด้วยละครับ

ดูหน้าตาน้ำมันที่ผ่านการไฮโดรจีเนต (ซ้าย) ง่ายๆ ก็คือมันจะเป็นไข

โดยสรุปแล้วโครงสร้าง FWD Mail นี้เป็นการ จับแพะชนแกะ โดยเอาโทษของ Transfat ซึ่งเป็นกระบวนการปรับสภาพน้ำมันพืช มา เหมารวมว่าน้ำมันพืชทั้งหมดมี Transfat ครับ

แต่ตรงนี้ก็คงพอสังเกตนะครับ ชื่อกระบวนการที่สำคัญก็คือการไฮโดรจีเนต (Hydrogenation) ซึ่งบ่งชี้ความเสี่ยงของการมี Transfat และข้อสังเกตอีกอย่างคือ Unidentified Fat ซึ่ง Transfat ก็มักจะถูกซ่อนไว้ในส่วนนี้เช่นกัน
อาหาร Mr. Fusion แฮมเบอร์เกอร์โดนัทสอดไส้เบคอนไข่ดาว คราวนี้ละครบทั้งน้ำมันพืชน้ำมันหมูละ เหอๆ

ในข้อกล่าวอ้างส่วนเรื่องการจับตัวของน้ำมันกับผนังลำไส้ หรือไปอุดตันที่ไต
กระบวนการย่อยของมนุษย์มีการหลั่ง Bile หรือน้ำดี ซึ่งเป็น Emulsifier ตามธรรมชาติ และทำให้น้ำมันแตกตัวเพื่อดูดซึม ไขมันไม่สามารถเกาะติดกับอวัยวะภายในที่อุณหภูมิและสภาวะในระบบย่อยอาหารของเราได้ การดื่มชา สารในใบชาไม่มีประโยชน์ใดๆในการล้างคราบไขมัน ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว มันคือน้ำร้อนที่ล้างคราบมันลงคอไป จะดื่มชา กาแฟ น้ำร้อน ก็คือเหมือนกันทั้งนั้น หรืออาจดื่มตัวทำละลาย เช่นแอลกอฮอล์ ก็ได้เช่นกัน

รูปปลากรอบ การดื่มแอลกอฮอล์เพื่อชำระล้างคราบไขมัน (มั๊ง)


ไหนๆก็ถล่มเรื่องน้ำมันพืชแล้ว แล้วตัวน้ำมัน หรือไขมันจากสัตว์ ที่พูดกันนักเรื่องคลอเรสเตอรอลนี่ มันอันตรายจริงหรือเปล่า

ความอร่อยของกุ้งอบหม้อดิน มันอยู่ที่ไขมันหมูที่ใส่ไว้ก้นหม้อเลยนะครับ ซรู้ดดด

อันตรายของน้ำมันหมูและน้ำมันมะพร้าวก็เป็นข้อมูลเท็จเช่นเดียวกัน คลอเรสเตอรอลเป็นผลผลิตจากตับ (75%) และรับประทานเข้าไป (25%) ตัวเลขนี้ถ้าเจาะลึกลงไปก็จะพบว่า แม้ในพวกอาหารสุขภาพ ก็จะอ้างอาหารเขาลดคลอเรสเตอรอลลงได้ไม่เกิน 15% เพราะสัดส่วนนี้ คลอเรสเตอรอลที่ตับผลิตจะถูกใช้ในการผลิตน้ำดี ผลิตฮอร์โมน สร้างผนังเซลล์ และสร้างวิตามิน D คนที่มีอาการคลอเรสเตอรอลสูงเป็นการถาวรก็มักจะเกิดจากความผิดปรกติของตับ (หรือถ้าโดยส่วนตัวผู้เขียน จะเชื่อว่าเกี่ยวกับเรื่องการกินก็คือกินผักน้อยไปเสียมากกว่า) คลอเรสเตอรอล ไม่ใช่เกิดจากการบริโภคไขมันอิ่มตัว ดังนั้นก็คือ จะกินอะไรก็กินไป แล้วก็อย่าไปเชื่อ FWD Mail มาก อ้อ แต่ถ้าคลอเรสเตอรอลเกินแล้วก็รู้นะครับว่า ถ้าตับผลิตเกิน ก็ไม่ต้องไปกินเพิ่ม ตรงนั้นก็คือจำเป็นต้องงดครับ


ตัวอย่างอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง T-Bone Steak นุ่มๆ ย่างน้ำมันหยดติ๋งๆ

สุดท้ายนะครับ คาถาต่อต้าน FWD Mail ท่องไว้ก่อนนอน


"สัพเพ ฟอร์เวิร์ดเมละ ไร้สาระ วิบัติสติ"

อ้างอิง
at

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น