บทความเฉพาะกิจ: ที อีเทอร์นอล

บทความนี้ มีที่มาจาก Case การทำน้ำเป็นน้ำมันที่เอามาถามในหน้า Anti Pseudo-science ซึ่งเป็นประเด็นน้ำมันเชื้อเพลิงพระราชทานที่ผลิตจากน้ำ

ในชั้นแรกผมคิดว่าตาม Claim ราคาย้อนหลังมันก็คงเป็นถ่านหิน ที่ผ่านกระบวนการ Gasifier หรือ การ Hydrogenation โดยใช้ไอน้ำ เพราะเป็นเคสที่มีการทำมาก่อนแล้วช่วงเวลาเดียวกันที่เยอร์มัน แล้วสื่ออาจตีข่าวให้ดูมหัศจรรย์เกินจริง แต่คุณ Ikkyu แย้งไว้ว่าสรุปเร็วไปว่าไม่ใช่ Pseudo Science ซึ่งพอค้นจนเจอตัวเล่มแล้ว มันก็กลายเป็นว่าเรื่องนี้ก็สรุปเร็วเกินไปจริงๆ เรามาคุ้ยดูดีกว่า ว่าเรื่อง ที อีเทอร์นอล ที่เป็นที่น่าสนใจของแดงสยามนี้มันมีประเด็นอะไรบ้าง

การผลิต ที อีเทอร์นอล

มรว. เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้วิจัยได้บ่งชี้ไว้ว่า กระบวนการนี้ คือการผลิตอะเซทีลีนจากแคลเซียมคาร์ไบด์ และทำให้เป็นเชื้อเพลิงเหลว

ปฏิกิริยาของ แคลเซียมคาร์ไบด์กับน้ำจะได้ตามนี้

 CaC₂ + 2 H₂O → C₂H₂ + Ca(OH)₂

ตัวแคลเซียมคาร์ไบด์ที่ผลิตในระดับอุตสาหกรรม ทำจากการ Arc แคลเซียมออกไซด์ กับถ่านโค้ก (ถ่านหิน) ที่อุณหภูมิ 2000 ^oC ตามนี้

 CaO + 3 C → CaC₂ + CO

 การผลิต แคลเซียมคาร์ไบด์ของอเมริกา ใช้ประโยชน์จากการการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ราคาถูกของน้ำตกไนแองการามาใช้ในกระบวนการผลิต

http://en.wikipedia.org/wiki/Calcium_carbide

รายละเอียดวิธีการผลิต

http://www.epa.gov/ttn/chief/ap42/ch11/final/c11s04.pdf

ประเมินความคุ้มค่าในการผลิต

วิธีการผลิตเชื้อเพลิงจากแคลเซียมคาร์ไบด์นี้ อาจได้ผลถ้ามีแหล่งไฟฟ้าราคาถูก เพราะราคาต้นทุนของแคลเซียมคาร์ไบด์ 90% เป็นราคาพลังงาน ถ้าถ่านหิน ปัจจุบันราคา 2.5 บาทต่อ กก โดยประมาณ ถ้ารวมกับหินปูนด้วยแล้ว ต้นทุน แคลเซียมคาร์ไบด์ก็อาจมีต้นทุนผลิตในช่วง 30 บาท ส่วนราคาต้นทุนเมื่อ 30 ปีก่อน... ก็ไม่น่าจะถูกไปกว่า 10 บาท (เว้นแต่เราใช้ไฟเขื่อนในการผลิตราคาพิเศษ อันนี้เป็นได้)

ถ้ามองในแง่เทคโนโลยีปัจจุบัน เราน่าจะมุ่งไปทางการทำน้ำมันจากไม้ด้วยกระบวนการ Pyrolysis จะดีกว่า เพราะถ่านหินมันก็ไม่ได้มีสำรองอะไรมากมายขนาดนั้นในไทยเรา ประเด็นนี้จึงเรียกว่าเป็นการวิจัยที่ขยายผลไม่ได้ด้วยข้อจำกัดของทรัพยากร และมีการตั้งสมมุติฐาน Demand-Supply ที่ผิด ในแง่การอธิบายเรื่องต้นพลังงาน มันก็กลับด้านกัน ศักย์พลังงานมันอยู่ในแคลเซียมคาร์ไบด์ ไม่ใช่น้ำ

ประเด็นน่ากังขา

ประเด็นผลิตน้ำมันจากน้ำตรงนี้กำลังถูกเล่นโดยฝั่งเวบล้มเจ้า และพยายามขยายออกมาให้เป็น Pseudo Science เพราะมันเขียนข่าวเหมือนสำเร็จ แต่พอเอาเข้าจริงไม่มีใครทำ ก็เลยเอามาตีเล่น ตรงนี้เป็นข้อเสียของระบบแบบไทยๆที่จะเงียบๆลืมๆความผิดพลาด แทนที่จะยอมรับกัน มันก็เลยเป็นประเด็นให้เอามาใช้โจมตีเล่นกันได้ แม้ว่า พณฯ ทุจศีล กินชะมัด ผู้สนับสนุนหลักของเวบล้มเจ้าจะเป็นนักเนียนแปะป้ายโครงการในพระราชดำริเพื่อห้ามสงสัยก็ตาม

ป้ายห้ามสงสัย???

อันที่จริงในอดีต ผมเป็นผู้ประเมินโครงการให้กับรัฐมาก่อน และก็รู้เหมือนกันว่า วิธีการห้ามสงสัยก็คือการใช้ป้ายโครงการในพระราชดำริ เพื่อให้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องประเมินให้ผ่าน แต่บังเอิญผมมันดันตรงไปหน่อย บริษัทครอบครัวก็เลยเจ๊งเพราะดันไปขัดขาท่านทุจจี้เขาเข้า (พวกโครงการโซล่าเซลล์ในพระราชดำริทั้งหลาย) แต่ก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะมีแต่รัฐบาลทุจจี้ นอกเหนือจากสมัยทุจจี้แล้ว รัฐบวมอื่นๆเขาก็ทำกันอย่างไม่น้อยหน้า อย่างกรณีเรื่องการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ก็มีการแปะป้ายสถาบันเพื่อป้องกัน NGO ต้าน ตอนนั้น ศ.ดร. ปริญญา นุตาลัย ก็เป็นหัวหอกที่พยายามสื่อสารเรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ก็เกือบจะโดนแปะป้ายเป็นพวกล้มเจ้าเช่นกันเพราะไปสู้กับป้ายโครงการ แต่ตรงนั้นโชคดีสื่อสารไปถึงในหลวง มันจึงมาเป็นเขื่อนแก้มลิงแทนที่จะเป็นเขื่อนใหญ่ ทั้งนี้สุดท้ายสิ่งที่ ศ. ดร. ปริญญา ต้องการคือการมองทรัพยากรน้ำในลักษณะภาพรวมระบบ และบริหารจัดการมันไม่ใช่ดูแค่ทีละประเด็น แต่ก็ไม่วายถูกเอามาเป็น Icon สำหรับการต้านเขื่อนอยู่ดี ลองอ่านคำสัมภาษณ์เรื่องการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบดูที่นี่ 

http://board.dserver.org/a/aircadet26/00000184.html

 เรื่อง ที อีเทอร์นอล เป็นงานวิจัยที่ขยายผลไม่ได้ แต่ถูกเนียนปิดๆลืมๆไม่มาอธิบาย เลยเป็นเป้าให้ฝั่งแดงสยามเขาเอามาเล่น แต่มันไม่ใช่ Pseudo Science ด้วยตัวมันเอง มันเป็นพฤติกรรมเลวๆ ที่มีมาอย่างช้านานในหมู่ข้าราชการ และนักการเมือง ที่สาระแนไปห้ามประชาชนสงสัย โดยแอบอิงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้ว่าเอาเข้าจริงพอเรื่องสื่อไปถึงในหลวงอย่างกรณีเขื่อน ท่านก็ยังรับฟัง

 ประชาชนคนไทยเราไม่ได้ฉลาด และไม่ได้มีวิจารณญาณอะไรมากมาย การแตะเรื่อง ที อีเทอร์นอล ยังอาจได้การต่อต้านจากฝั่งเหลือง ด้วยกระบวนการเหมารวม ซ้ำร้ายที่สุด พวกฝั่งเหลืองก็อาจกระโดดไปรวมกลุ่มกับฝั่งวิทยาศาสตร์เทียมเอาด้วยซ้ำ

สุดท้ายสิ่งที่ผมอยากสื่อไว้

วิทยาศาสตร์ไม่ควรมีพรมแดนทางการเมือง ไม่ว่าจะเหลืองหรือแดง ควรให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงมากกว่าเขาว่ากันว่า ประเด็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงนี้มีมายาวนาน ไม่ใช่โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นสังคมเราที่จะอาศัยอำนาจ ความหวาดกลัว เอาป้ายศาสนาบ้าง สถาบันบ้าง ไปปิดไว้ห้ามคนสงสัย การจะแก้สันดานตรงนี้ได้ ต้องแยกประเด็นสถาบัน แยกประเด็นศาสนา และแยกประเด็นการเมืองออก เราสู้กับความงมงายของคน ไม่ใช่สู้กับสีใดสีหนึ่ง ถ้า Anti-Pseudo Science จะเล่น ก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการแตะประเด็นนี้ให้ดีครับ

-----------------------------------------------------------------

สแกนบทความ ที อีเทอร์นอล ข้างล่างได้มาจากเวบ

http://weareallhuman2.info/index.php?showtopic=39193