เรื่องมันน่าจะเริ่มมาจากอนิเมเรื่อง นามิอุชิกิวะ โนะ มุโรมิซัง ในฉากเจ้าปัญหาที่นางเอกจะให้พระเอกรีดแยมเพื่อผสมพันธุ์แล้วก็กลายเป็น Talk of the town ไปช่วงหนึ่งจนมีคนเอามาวาดเป็นฉากพระอภัยมณีปั่นแยมใส่ไข่เงือกกำเนิดเป็นสุดสาคร ถ้ามันเป็นยังงี้ความโรมานซ์ของมนุษย์กับเงือกก็คงป่นปี้กันหมดพอดียอมไม่ได้ เอ๊ย เรามาโต้แย้งตามหลักวิทยาศาตร์กัน
รูปที่ 1: การปั่นแยม
แนวคิดเงือกออกลูกเป็นไข่มาจากพื้นฐานว่าเงือกวิวัฒนาการแยกมาจาก ปลา แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญเช่นเรื่อง Little Mermaid มันมีข้อบ่งชี้ที่สำคัญทางวิวัฒนาการว่า เงือก มาจากสัตว์บก และน่าจะแยก Species จากคน แค่เมื่อไม่นานมานี้ สิ่งนั้นก็คือ “เอว”
รูปที่ 2: เปรียบเทียบ ตำแหน่งเอวของเงือกกับสิงโตทะเล หางของเงือกไม่ใช่ส่วนกระดูกสันหลังที่ยืดออกแต่เป็นขา มิฉะนั้น นางเงือกคงตัวยาวหางสั้นไม่เซ็กซี่อย่างที่ควรจะเป็น
ส่วนคอดของเอว เกิดจากขนาดของกระดูกเชิงกราน การมีกระดูกเชิงกรานที่เป็นโครงสร้างสำหรับรับน้ำหนักจากขา ซึ่งเป็นอวัยวะของสัตว์บก เป็นหลักฐานสำคัญว่า เงือก ต้องเคยอยู่บนบกมาก่อน และ การมีอยู่ของก้นที่กลมกลึง เป็นหลักฐานว่า มีการผูกโยงกล้ามเนื้อเข้ากับกระดูกก้นกบ ซึ่ง ลดรูปมาจากหาง
รูปที่ 3: แสดงลักษณะทางสรีระของนางเงือก เอว บ่งชี้ถึงการเป็นสัตว์บก และสะดือ ที่แสดงว่าเป็นสัตว์เลือดอุ่น
การที่นางเงือกเป็นสัตว์บก หางลดรูปไปเป็นก้นกบ แถมมี สะดือ แสดงว่านางเงือกต้องเป็นสัตว์เลือดอุ่น วิวัฒนาการแตกสายพันธุ์มาจากลิงโลกเก่า แถมจากตำนานที่เงือกมีลูกกับมนุษย์ได้ ข้อสันนิฐานสำคัญคือ มันต้องเป็น Species ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มาก นางเงือก ไม่น่าจะมีขนดก อย่าว่าแต่มีเกล็ดเลย ลักษณะของนางเงือก น่าจะคล้ายกับการผิดปรกติแบบ Mermaid syndrome ที่ช่วงขาคอดติดกัน แต่กรณีของกลุ่มมนุษย์เงือก ความผิดปรกตินี้มีความสมดุลและเป็นการส่งเสริมกำลังของส่วนขาสำหรับการว่ายน้ำ ส่วนเกล็ดที่เราเห็น
นั่นคือถุงกะโปรงสำหรับปกปิดร่างกายและช่วยในการว่ายน้ำที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะจากเกาะเงือกตังหาก
ดังนั้นจึงสรุปได้อย่างชัดเจนว่า เงือกน่ะ เป็นสัตว์บก และ ปั่มป๊ามได้ เพราะเป็นสปีชี่ส์ใกล้เคียงกับมนุษย์
ปล. ผมละอยากจะวาดภาพประกอบแบบจัดเต็มมากเลยนะ แต่แค่วาดภาพเปิดก็มือหงิกแล้ว ข้างในบทความก็ขอชุ่ยอย่างนี้นี่ละ อย่าว่ากันนะครัช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น